วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

DIY : เปลี่ยนไปส่องป้ายทะเบียน และ ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระ


สวัสดีพี่ๆสมาชิกThaimazdacx5club ทุกท่านที่ติดตาม DIY ของผมมาโดยตลอด
หลังจากห่างหายการ DIY ไปนานวันนี้กลับมาอีกครั้งกับ DIY ในการเพิ่มแสงสว่างให้กับป้ายทะเบียนหลังและอีกส่วนหนึ่งที่ผมชอบมากคือบริเวณที่เก็บของท้ายรถ CX-5 ของเราครับ ว่าแล้วไปเริ่มกันเลยครับ
รูปของไฟส่องป้ายทะเบียนแบบLEDที่จะนำมาเปลี่ยนแทนของเดิมครับ

ไฟส่องป้ายทะเบียนคู่นี้มีที่มาด้วยความประทับใจมากครับ เมื่อราว 6 เดือนก่อนผมได้รู้จักกับน้องคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของรถ CX-5 ซึ่งในขณะนั้นน้องคนนี้ยังไม่ได้รถเลยด้วยซ้ำครับ น้องคนนี้ชื่อว่าน้องต้นครับ น้องต้นโทรมาหาผมเพื่อสอบถามและขอคำแนะนำในการแต่งรถ CX-5 ของตัวเองครับ น้องเล่าให้ฟังว่าติดตามบทความ DIY ของผมมาสักพักแล้วจนมาคันเอาตรงรีวิวที่ผมนำเอาอินเตอร์คลูเลอร์ของ Greddy มารีวิวครับ หลังจากที่น้องได้อ่านรีวิวแล้วก็เกิดความลังเลว่าจะสั่งอินเตอร์รุ่นไหนมาดีระหว่างของ Knight Sport หรือของ Greddy ดีเลยโทรมาปรึกษาครับ หลังจากที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กันแล้วน้องจึงตัดสินใจซื้ออินเตอร์ของ Knight Sport ครับ หลังจากนั้นเราก็ได้มีการคุยกันอีกหลายต่อหลายครั้ง จนในวันที่น้องได้รถเรียบร้อยแล้วน้องจึงเอารถเข้ามาให้ผมติดตั้งอินเตอร์ให้และน้องก็ได้นำอุปกรณ์แต่งอีกชิ้นมาให้ผมได้ทดสอบด้วยครับซึ่งอุปกรณ์ในชิ้นนั้นก็คือ กล่องเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ของ Racechip ครับ ผมเอามาลองเล่นอยู่นานเลยครับจนได้เอามาทำรีวิวให้เพื่อนๆหลายคนได้ชมกันนี้แหละครับ เป็นอะไรที่โชคดีมากครับที่ได้ลองอะไรแบบนี้ หลังจากนั้นเราก็มีติดต่อกันบ้างเป็นระยะครับ จนมาวันหนึ่ง มีพัสดุส่งมาจากต่างประเทศผมก็งงมากว่ามันคืออะไรส่งผิดหรือเปล่า จนมารู้ทีหลังตอนน้องต้นส่งข้อความมาบอกนี่แหละครับว่าพอดีผมสั่งมาใส่รถตัวเองแล้ว 1 คู่ผมเห็นว่ามันดีผมเลยสั่งมาให้พี่โมอีก 1 คู่ครับ ผมนี่ตกใจมากเลยว่าถึงกับต้องส่งมาให้เลยหรือผมจะจ่ายเงินให้ก็ไม่เอา น้องต้นบอกผมเพียงแต่ว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยครับ ผมนี่ซึ่งมากจนอยากเอามาเล่าสู่กันฟังถึงที่มาของไฟคู่นี้ครับ เล่ามายาวกลับไปเรื่อง DIY ของเรากันต่อดีกว่าครับ

เราจะเริ่มจากการถอดแผ่นพลาสติดที่ด้านหลังออกก่อนนะครับ โดยถอดในส่วนกลางตามรูปนี้ก่อนนะครับ
ชิ้นกลางชิ้นนี้ถอดโดยการดึงออกได้เลยนะครับ เพราะยึดด้วยกิ๊บแบบนี้ครับ

หลังจากถอดมาแล้วก็เริ่มถอดแผ่นครอบข้างกระจกหลังออกครับ ในส่วนนี้จะมีพุกพลาสติกยึดอยู่ 1 ตัวครับ
ตัวนี้ถอดไม่ยากครับ หากใครพอมีเล็บก็เอาเขี่ยตรงกลางออกก่อนได้เลยครับหรืออาจใช้ไขควงแบนแงะออกมาก็ได้ครับ ถอดเสร็จก็ดึงออกได้เหมือนตัวกลางเลยครับ

เมื่อถอดออกมาทั้ง 2 ฝั่งเราก็จะได้แบบนี้ครับ

ส่วนต่อไปที่เราจะถอดก็คือแผ่นปิดส่วนหลังครับ ส่วนนี้จะมีพุกยึด 3 ตัวครับคือซ้ายและขวาอย่างละ 1 ตัวและบริเวณสลักล็อคด้านท้ายอีก 1 ตัวครับ และที่ต้องเอาออกอีกจุดก็คือที่เอามือดึงครับ
เราถอดมาแล้วก็จัเป็นแบบนี้ครับ

เมื่อเราถอดออกมาแล้วให้เรามองในตำแหน่งของไฟส่องป้ายทะเบียนหลัง เราจะพบกับปลั๊กสีขาวให้เราบีบปลั๊กสีขาวออกและค่อยบีบตัวล็อคของไฟส่องทะเบียนออกเพียงเท่านี้เราก็จะได้ช่องที่เราจะสลับไฟชุดใหม่ใส่แทนของเดิมครับ เมื่อใส่แล้วอย่าลืมเสียบปลั๊กสีขาวกลับเข้ากับไฟตัวใหม่ด้วยนะครับ
ใส่ของใหม่แล้วเป็นแบบนี้ครับ


เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการเปลี่ยนไฟส่องป้ายทะเบียนหลังนะครับ หากใครเปลี่ยนแค่นี้ก็ประกอบแผงพลาสติกที่เราถอดออกมากลับได้เลยนะครับ แต่หากใครจะใส่ไฟแสงสว่างห้องเก็บของท้ายรถก็ลุยต่อได้เลยครับ

ที่แผงพลาสติกด้านหลังเราจะเห็นแผ่นปิดหรือเปิดเพื่อใช้เวลาหลอดไฟถอยหรือไฟหรีหลังมีปัญหาอยู่ 2 แผ่นครับ ซึ่งแผ่นนี้จะถูกแทนที่ด้วยอุปกรณ์แต่งตัวใหม่ของเราแบบนี้ครับ

ต่อไปเราก็แกะเอาของเดิมออกโดยการบีบที่ขาล็อคด้านในครับ
เทียบกันให้เห็นครับ
เอาตัวใหม่ใส่แทนได้เลยครับ เข้ารูปพอดีเลยครับ

ต่อไปก็มาถึงเวลาเดินสายไฟครับ ในชุดของไฟใหม่จะมาพร้อมสายไฟที่มีการหุ้มฉนวนมาเป็นอย่างดีครับ โดยการเดินให้เราเดินเลาะเสาหลังด้านซ้ายแล้วร้อยผ่านท่อยางรอยสายเดิมของรถได้เลยครับ แล้วก็ร้อยมาต่อไฟเข้ากับไฟของเดิมได้เลยครับ สายไฟมีแค่ 2 เส้นครับคือสีขาว ต่อเข้าสีขาวของเดิมเลยครับ และสีแดงต่อที่ท้ายขั้วหลอดไฟดังรูปครับ
เมื่อต่อไฟเข้าทั้งหมดแล้วก็ลองอีกครั้งก่อนนะครับว่าใช้ได้ไหมครับ ถ้าใช้ได้ก็ประกอบกลับแล้วรอเวลาแห่งความสุขตอนใช้งานได้เลยครับ

แจ่มเลยครับ
สว่างมากเลยครับ สะดวกในการใช้งานมากด้วยครับเพราะสามารถเปิดปิดได้เหมือนเดิมครับ 

และแล้วก็จบเป็นที่เรียบร้อยนะครับสำหรับการ DIY ในครั้งนี้นะครับ หากสงสัยการติดตั้งอย่างไรก็สอบถามได้นะครับ ส่วนไฟนี้ผมสั่งมาจากพี่น้อยพี่สมาชิกในคลับเรานี้แหละครับ เบอร์พี่เค้า 080-030-8080 ครับมีอะไรโทรหาพี่เค้าได้เลยนะครับ ไม่ต้องโทรหาผมนะครับผมไม่ได้เป็นคนขายของครับ
ปล.พี่น้อยจ่ายค่าโฆษณาให้ผมด้วยนะครับ 55

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

























วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ศูนย์บริการอีกหนึ่งอย่างที่ต้องเลือกให้ดีสำหรับรถของเราครับ

สวัสดีครับ
วันนี้จะมาเล่าและแชร์ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องราวของศูนย์บริการที่ผมเลือกใช้ครับ 
สำหรับเรื่องของศูนย์บริการนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมให้ความสำคัญมากครับ หลังจากผมออกรถมาผมก็พยายามหาข้อมูลด้วยตัวเองก็ดีจากการนำรถเข้าไปรับบริการก็ดี ถามพี่ๆในคลับบ้างจนสุดท้ายผมก็ได้พบกับศูนย์บริการในดวงใจของผมที่ผมจะฝาก CX-5 ของผมให้ได้รับการดูแลอย่างดีครับ 
เรามาดูกันดีกว่าว่าการไปเข้าศูนย์บริการของ Mazda ของผมเป็นอย่างไรบ้างครับ
วันนี้ รถของผมถึงระยะที่ต้องเข้าทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในระยะ 40,000 กม.ครับ ซึ่งผมวิ่งจริงแค่ 38,000 กม.ครับ (ปกติผมใช้รถคันนี้ไม่ค่อยมากครับ 2 ปีกว่าแล้ว ใช้ไป 38,000 กม.นี้แหละครับ) ก็เลยว่าจะนำไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ศูนย์ที่เคยใช้บริการเป็นประจำครับ
หลังจากได้นัดเวลาล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ของศูนย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงวันที่ต้องเดินทางครับ
วันนี้ผมตื่นตีห้าเพื่อเตรียมตัวและออกเดินทางตอนเวลาประมาณ 6.30 น.เพื่อให้ไปถึงศูนย์บริการเวลา 8.00 น.ครับ เนื่องจากว่าระยะทางระหว่างศูนย์บริการและที่พักของผมห่างกัน 67 กม.ครับ เรียกได้ว่าไปทีข้ามจังหวัดเลยครับ 
ถ้ารถไม่ติดก็สามารถใช้ความเร็วได้ผมก็จะใช้เวลาไม่มากครับ แต่ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.ครึ่งครับ
และแล้วผมก็มาถึงที่ศูนย์บริการครับ
เข้ามาจะมีที่จอดรับรถทางซ้ายมือจะทีช่องจอด 5 ช่องครับ
น้องเจ้าหน้าที่ที่ผมคุ้นหน้าก็เข้ามาทักทายด้วยความสุภาพพร้อมทั้งสอบถามรายละเอียดที่ผมต้องการทำครับ นี่ผมมีรูปและชื่อน้องเค้าด้วยครับ
หลังจากนั้นน้องเค้าก็จะเชิญเราไปที่โต๊ะด้านในเพื่อชี้แจงรายละเอียดราคาและระยะเวลาในการให้บริการครับ หันมาอีกทีรถก็ถูกขับเข้าช่องบริการเป็นที่เรียบร้อยครับ
สำหรับที่นี้มีห้องรับรองที่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาด้ายเป็นห้องรับรองที่สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 20 คนครับ โดยระหว่างรอก็จะสามารถดูทีวีได้ มีคอมให้เล่น และที่สำคัญที่นี้มีอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้บริการด้วยครับ 
และสำหรับใครที่ไม่อยากรอที่นี้เค้าก็มีบริการไปส่งที่ห้างในละแวกนี้ด้วยครับ ดีจริงๆครับ
วันนี้ผมไม่ได้นั่งรออยู่ที่ศูนย์ครับ เพราะพี่น้อยจะมารับให้ไปช่วยติดตั้งอุปกรณ์แต่งรถให้กับสมาชิกในคลับเราครับ
เวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมงทางศูนย์บริการก็ติดต่อมาแจ้งว่ารถเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ หลังจากรถเสร็จเค้าก็จะเอามาจอดด้านหน้าแบบนี้ครับ
ในรูปจะมี CX-5 2 คันคือรถผมและรถพี่น้อยครับ แต่ในศูนย์บริการวันนี้ก็ยังมีรถของพี่เบิร์ดรุ่นใหญ่ใน CX-5 เราที่เข้ารับบริการด้วยครับ
และนี่คือสิ่งที่ผมได้เอาบางส่วนมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับศูนย์บริการในดวงใจของผมครับ
และศูนย์บริการที่ผมเลือกใช้และให้ความไว้วางใจให้จัดการ CX-5 ของผมก็คือที่นี้เลยครับ แอลบาทรอส ลำลูกกาครับ เพราะความพึงพอใจของท่านคือเป้าหมายของเราครับ
       ท้ายที่สุดนี้สำหรับผมแล้วระยะทางไม่ใช่ปัญหาในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับรถของผมครับ ขอบคุณช่างสุนทร หัวหน้าช่างที่นี้ และพนักงานที่ให้บริการอย่างดีครับ 
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้ของผมจะช่วยให้คนที่กำลังมีปัญหาได้พบกับศูนย์บริการที่ผมว่าดีอีกที่ไว้ใช้แก้ปัญหาให้กับพวกเราครับ 
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ปล.ทางศูนย์บริการไม่ได้ให้อะไรพิเศษกับผมในการรีวิวในครั้งนี้นะครับ ผมมาเล่าจากความรู้สึกจริงให้ฟังครับ








วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิว Sport Induction Autoexe

สวัสดีครับทุกคน
       หลังจากที่ห่างหายไปนานเลยทีเดียวกับการเอาข้อมูลการดูและและการตกแต่ง CX-5 ของผมที่เอามาลงในบล็อกนี้ครับ วันนี้กลับมาอีกครั้งมาพร้อมกับกรองอากาศแบบใหม่ที่ทาง Autoexe ได้พัฒนาต่อยอดจากในรุ่นแรกของ CX-5 เป็นรุ่นที่ใหม่ขึ้นกว่าเดิมซึ่งนั้นก็หมายถึงการพัฒนาของแต่งเพิ่มให้กับ CX-5 ในรุ่นที่เป็น Minorchange นั้งเองครับ มาดูพร้อมกันเลยดีกว่าว่าชุดกรองอากาศชุดใหม่ของ Autoexe ที่ทำให้ CX-5 ของเรานั้นจะดีขึ้นอย่างไรครับ
รูปของ Parts No. และ รายละเอียดของ Sport Induction AUTOEXE สำหรับ CX-5 ครับ

เปิดกล่องออกมาสิ่งที่เราจะได้เห็นก็จะมีดังนี้ครับ
สำหรับในชุดนี้เป็นชุดที่ทาง Autoexe ได้ใช้กรองของ K&N ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด่านเกี่ยวกับกรองอากาศระดับโลกครับ

คู่มือการติดตั้งแบบละเอียดที่ตั้งใจทำเป็นรูปสีสวย ทำให้ง่ายและเห็นภาพได้ชัดครับ

อ่านไปอ่านมาไปเจอรูปของการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระกว่างกรองอากาศเดิมและกรองอากาศของ K&N ที่จะติดตั้งร่วมกับชุดของ Sport Induction ชุดนี้ครับ ความแตกต่างก็คืออัตราการไหลของอากาศที่จากเดิมอยู่ที่ 200 CuFt/Min เพิ่มเป็น 350 CuFt/Min ครับ เรียกได้ว่าเพิ่มมากอีก 150 CuFt/Min กันเลยทีเดียวครับ

ในส่วนของชุดกรองในกล่องจะมีดังนี้ครับ
ทางซ้ายจะเป็นแผ่นกรองอากาศของ K&N ครับ ส่วนทางขวาจะเป็น Sport Induction ทำจากFRP ครับ
ภาพชัดๆของ Sport Induction Box ครับ งานเนียนช่องที่ทำมาใส่กรองอากาศก็ทำมาได้พอดีมากครับ



ในส่วนของการติดตั้งก็ติดตั้งเองได้ง่ายเข้ารูปตรงตำแหน่งเดิมเลยครับ

ช่องที่เราจะติดตั้งเข้าไปแทนท่อนล่างของชุดกล่องกรองอากาศเดิมครับ

ใส่แล้วก็จะเป็นแบบนี้ครับ

คนใส่หล่อไหมละครับ ใส่เสื้อเชิ้ตติดตั้งกันเลยทีเดียวนะครับ อ.น้อย

มองจากด้านบนเรียบร้อยเข้ารูปครับ

สรุป : สำหรับชุด Sport Induction box ของ Autoexe ในชิ้นนี้ก็คือชุดท่อนล่างของกล่องกรองอากาศที่ถูกออกแบบให้สามารถรับอากาศเข้าเครื่องยนต์ได้มากและดียื่งขึ้นในชุดจะประกอบไปด้วย Induction box ทำจาก FRP พ่นสีแดงมาตรฐานของ Autoexe ที่มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศอย่างดีของ K&N ที่มีความสามารถในการกรองอากาศที่ดีและยังสามารถส่งผ่านปริมาณอากาศที่เข้าเครื่องยนต์ได้มาขึ้นครับ ซึ่งสิ่งที่จะได้ก็คือ 1.กำลังของเครื่องยนต์ที่มากขึ้นจากการไหลของกากาศที่มากขึ้น(ทาง Autoexe ไม่ได้ระบุว่าได้มาขึ้นเท่าไรครับ) 2. เสียงของการดูดอากาศที่ก้องกังวาลชัดเจนที่ให้อารมณ์แบบเร้าใจมากเลยครับ 

ท้ายที่สุดนี้ก็ต้องขอขอบคุณพี่อ.น้อยที่จัดหาของดีมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมมาให้สมาชิก CX-5 ครับ และก็ต้องขอบคุณพี่โจ้เจ้าของรถคันนี้ที่ได้นำรถมาใส่และให้ถ่ายรูปทำรีวิวครับ











วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รีวิว : intercooler อุปกรณ์ลดอุณหภูมิอากาศก่อนเข้าห้องเผาไหม้เรียกแรงม้ากลับมาให้เครื่องยนต์ของเราครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆ Thaimazdacx-5club อีกครั้งนะครับ
        หลังจากที่ห่างหายกันไปนานเนื่องจากมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาในครอบครัวครับ กลับมาครั้งนี้มาพร้อมกับความร้อนแรงในการรีวิวการลดอุณหภูมิอากาศก่อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซลของเราครับ ว่าแต่เจ้าอุกรณ์ตัวที่ผมกำลังพูดถึงมันหน้าตาเป็นอย่างไรนั้น ผมกำลังเอามาให้ชมนี่ละครับ

intercooler ที่ผมนำมาใช้และทำการรีวิวจะเป็นของ Greddy นะครับต่อไปขอเรียกย่นสั้นๆว่า"อินเตอร์"แล้วกันนะครับ ส่วนรายละเอียดของอินเตอร์ตัวที่ผมเลือกจะเป็นอย่างไรนั้นจะเล่าให้ฟังอีกทีครับ

        ก่อนจะไปรีวิวมาเล่าให้ฟังก่อนนะครับว่าเจ้า intercooler นั้นมันมีหน้าที่สำคัญอย่างไรนั้นจะขอเอาบทความมาทำความเข้าใจถึงหน้าที่ของมันกันก่อนนะครับ

อินเตอร์คูลเลอร์ (Intercooler) มีหน้าที่ระบายความร้อนของไอดีที่ถูกอัดมาจากการทำงานของเทอร์โบ อากาศที่มีความร้อนสูงจะมีมวลอากาศน้อยความหนาแน่นต่ำ อากาศเย็นจะมีมวลอากาศมากความหนาแน่นสูง อินเตอร์คูลเลอร์จึงคอยระบายความร้อน ซึ่งอุณหภูมิความร้อนจะอยู่ที่ 100-120 องศา ให้เย็นตัวลงกลับมาอยู่ที่ 20-50 องศา มวลไอดีจะมีความหนาแน่นขึ้น การเผาไหม้ก็จะดีขึ้น เครื่องยนต์เลยมีพลังแรงขึ้นหรือวิ่งเร็วขึ้นนั้นเอง
Cr.Boxzaracing


อุปกรณ์ชิ้นนี้จะต้องมีควบคู่กับเครื่องยนต์ที่มีเทอร์โบ 
     เทอร์โบนั้นจะทำงานโดยใช้แรงดันของไอเสีย ขับให้กังหัน Turbine หมุนด้วยความเร็วสูง นั่นก็หมายความว่ากังหันด้าน Compressor หมุนเร็วตามไปด้วย ซึ่งความเร็วที่หมุนนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 รอบ/นาที เลยทีเดียว ด้วยความเร็วขนาดนั้น อากาศจึงถูกอัดเข้าสู่กระบอกสูบได้มากตามที่เครื่องยนต์ต้องการ แต่อากาศที่ถูกอัดด้วยความเร็วขนาดนั้น โมเลกุลของอากาศจะเสียดสีกันจนเกิดความร้อนสูง โมเลกุลของมันก็จะขยายตัวทำให้ความหนาแน่นของมันลดลง ปริมาณอากาศที่จะเข้ากระบอกสูบได้ก็จะน้อยลง เครื่องยนต์จะได้กำลังไม่เต็มที่ 
     ดังนั้นจึงต้องมีการลดอุณหมิของอากาศก่อนที่จะเข้าเครื่องยนต์ เมื่ออากาศเย็นลงความหนาแน่นก็จะเพิ่มขึ้นด้วย Intercooler หน้าที่ของมันคือช่วยลดอุณหภูมิของอากาศ เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนกับ "หม้อน้ำ" ของรถยนต์มีหน้าที่ลดอุณหมิของน้ำหล่อเย็นนั่นเอง ถ้าไม่มีเจ้า Intercooler หากอุณหภูมิของอากาศเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของไอเสียจะสูงขึ้นเป็น 3 เท่า ผลคือเครื่องยนต์จะร้อนจัด สมรรถนะก็ได้ไม่เต็มที่ เจ้าอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้ควรจะทำงานร่วมกัน ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เครื่องยนต์ก็จะไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์นัก 
 
    ก่อนอื่นเราต้องทราบกันก่อนว่า อากาศมีอุณหภูมิปกตินั้น จะมีความหนาแน่นในตัวเอง  และมีปริมาณออกซิเจนเพื่อใช้ในการเผาไหม้ปะปนอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งเพียงพอต่อการสันดาปในห้องเผาไหม้ปกติ

    แต่เมื่อใดที่อากาศ ถูกอัดให้แน่นโดยกังหันเทอร์โบ มันก็จะมีความร้อนสูงขึ้นจากการอัดตัวนั้น แต่ในทางตรงกันข้าม อากาศที่ร้อน ยอมมีความหนาแน่นน้อยลง (วิทยาศาสตร์ ป. 4) และก็จะมีออกซิเจนปะปนอยู่น้อยลงตามไปด้วย และถ้ามันถูกส่งเข้าห้องเผาไหม้ไปทั้งอย่างนั้น (ร้อนๆ) ก็จะทำให้เครื่องยนต์ได้รับปริมาณอากาศที่เบาบาง (เพราะ ECU รถยุคใหม่ วัดเอาปริมาณการไหลเทของอากาศมาคำนวนการจ่ายน้ำมันโดยไม่สนว่าจะหนาแน่นหรือเบาบาง) และมีออกซิเจนน้อย รวมทั้งยังจะทำให้มีความร้อนสะสมในระบบสูงเกินกว่าที่ควร 

   ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องลดอุณหภูมิของอากาศที่เครื่องยนต์ต้องนำไปใช้นั้น ให้เย็นลงจนถึงระดับปกติ เพื่อให้เครื่องยนต์ของเรา ได้รับทั้งปริมาณอากาศจากที่ถูกอัดโดยเทอร์โบ และได้ปริมาณออกซิเจนในอากาศที่หนาแน่น เพียงพอต่อการสันดาปในรอบสูงสูง โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสมในระบบเครื่องยนต์มากนัก เป็นการเพิ่มแรงม้าให้เครื่องยนต์ โดยใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นระยะทางยาวนาน และลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในได้มากทีเดียวครับ
Cr.http://www.electron.rmutphysics.com

หลังจากที่ดูรายละเอียดกันแบบตัวอักษรจุใจแล้วก็มาดูภาพการทำงานแบบง่ายๆบ้างนะครับ Cr.GM's 1.4L Ecotec turbo airflow animation
        อธิบายจากคลิปนะครับ อากาศเย็นจะถูกดูดผ่านกรองอากาศโดยอาศัยแรงดูดจากเทอร์โบและส่งต่อผ่านไปยังอินเตอร์ อินเตอร์จะช่วยระบายความร้อนของอากาศที่ผ่านเทอร์โบที่มีความร้อนสูงให้ลดลงเป็นอากาศที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงอุณหภูมิของอากาศภายนอก(ย้ำนะครับว่าไม่ได้เย็นกว่าภายนอกเพราะอินเตอร์ของเราไม่มีเครื่องช่วยทำความเย็นแบบแอร์นะครับ)และส่งต่ออากาศเย็นนี้เข้าสูห้องเผาไหม้เพื่อสันดาปให้กำลังต่อไปครับ

โอเค... หลังจากที่เราทราบถึงคุณสมบัติหน้าที่และการทำงานของมันแล้ว คราวนี้เข้าสู่การรีวิวและเหตุผลในการเลือกใช้อินเตอร์ของผมกันแล้วครับ

ก่อนที่ผมจะตัดสินใจซื้อเจ้าอินเตอร์ตัวนี้ก็หาข้อมูลอยู่สักพักได้ข้อมูลมาเช่นนี้ครับ 
อินเตอร์แบบตรงรุ่นที่ทางค่ายแต่งได้ทำมารองรับสำหรับของยนต์ดีเซลของเรามีด้วยกัน 3 ยี่ห้อครับคือ 
1.Greddy/Trust 
2.Knight Sport 
3.Odula
intercooler ตรงรุ่น CX-5 ของ Greddy

intercooler ตรงรุ่น CX-5 ของ KnightSport
intercooler ตรงรุ่น CX-5 ของ Odula 
หลังจากที่ได้ดูในแต่ละตัวก็ได้สรุปรายละเอียดข้อดีของแต่ละตัวออกมาก่อนตัดสินใจดังนี้ครับ
หลังจากที่ได้ทำตรารางเปรียบเทียบแล้วก็พอเห็นข้อดีของ intercooler Greddy ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม 1.5 เท่าโดยที่มีราคาต่ำเท่ากับอินเตอร์ที่มีขนาดเท่ากับ 1.2 เท่าของ Odula ครับ แต่ดันไม่มีแรงม้าเคลมมาให้จากเว็บผู้ผลิตซะด้วย แต่อย่างไรก็ตามยี่ห้อ Greddy ไม่ใช่ของไม่มียี่ห้อ อย่างไรต้องดีแน่นอน แต่ก่อนจะวานให้พี่น้อยสั่งซื้อมาให้จากญี่ปุ่นก็เขวเหมือนกันนะครับว่าจะลงทุนเพิ่มอีกหน่อยแล้วเอาของเทพสำหรับค่ายอย่าง Knight Sports เลยดีไหมแต่พอมามองรายละเอียดดูแล้วในส่วนของฝาปิดอินเตอร์นั้นผมชอบงานแบบของ Greddy มากกว่าของ Knight ที่เป็นงานเชื่อม ผมก็เลยตัดสินใจที่จะเลือกของ Greddy ครับ โดยราคาสุดท้ายที่ผมได้เป็นราคาที่น่าประทับใจมากๆต้องขอบคุณพี่น้อยที่เป็นธุระในการจัดหาของแต่งราคาถูกให้ผมเสมอๆนะครับ ...... ที่เหลือต่อไปก็คือเวลาในการรอของแล้ว 

และแล้วในที่สุดวันที่รอเคยก็มาถึง วันที่พี่น้อยโทรมาบอกว่าของจากญี่ปุ่นมาถึงไทยเรียบร้อย เตรียมตัวสนุกกันได้เลยละงานนี้ ทันทีที่ของมาถึงที่โรงงานผม ผมก็ไม่รอช้าจัดการเปิดกล่องออกอย่างใจจดใจจ่อและสิ่งที่ผมเห็นก็เป็นแบบนี้ครับ 
intercooler สวยงามของ Greddy ที่มาพร้อมคู่มือการติดตั้งครับ
ตรงรุ่นชัดเจนใส่ได้พอดีแน่นอน
เตรียมตัวใส่อินเตอร์แล้วครับ
ช่องหลังป้ายทะเบียนนี่แหละครับทีเจ้าอินเตอร์ของเราถูกวางไว้อยู่ครับ










ประกอบทั้งหมดใส่กันชนให้เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาไปซิ่งกันเลย ^^



สรุปสำหรับเจ้าอินเตอร์อุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปทำให้รู้สึกอย่างไรนั้นจัดเป็นข้อๆดังนี้เลยครับ
1. ดีสิครับ หาข้อมูลมาตั้งนานก่อนตัดสินใจซื้อใส่แล้วก็ต้องดีแน่นอนครับ 55
2. หล่อขึ้นกว่าเดิมสิครับ เพราะว่าใส่แล้วแอบเห็นอะไรเงาๆที่ข้างหน้าด้วย
3. แรงขึ้นสิครับ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าแต่ความรู้สึกเหมือนเวลาเราขับรถช่วงหน้าหนาวรถจะตอบสนองได้ดีครับ

ท้ายที่สุดก็ขอขอบคุณพี่น้อยคนเดิมที่จัดหาของดีในราคาถูกมาให้ผมได้แต่งรถอย่างมีความสุข แลัขอบคุณเพื่อนพี่น้อง Thaimazdacx5 ทุกท่านที่ติดตามรีวิวของผมครับ 
ปล.รีวิวทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับยี่ห้อใดๆนะครับ เป็นความเห็นส่วนตัว เสียเงินซื้อมาใส่เองนะครับ หากท่านใดชอบตัวไหนก็ใส่ตัวนั้นนะครับ