วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

เปลี่ยนสีฝาครอบเครื่องยนต์ Mazda CX-5 ให้สวยโดดเด่น

สวัสดีครับพี่ๆสมาชิกทุกท่าน

        สำหรับวันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีการ DIY ทำสีฝาครอบเครื่องยนต์ของเราให้เป็นสีฟ้าแบบเมทัลลิคแบบสามารถลอกออกได้ด้วยสีของ Plastidip ครับ
ก่อนอื่นเอาผลงานให้ดูก่อนครับว่าทำออกมาแล้วจะเป็นอย่างไรครับ


เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ก่อนอื่น เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เราจะต้องมีนะครับ
1. สี Plastidip หรือ จะเป็นของยี่ห้ออะไรก็ได้นะครับที่เราชอบ 
2. กระดาษกาว
3. หนังสือพิมพ์
4. น้ำยาเช็ดทำความสะอาดคราบ หรือ แอลกอฮอล์เช็ดแผล
5. น้ำยาล้างจาน
6. ผ้า
7. ฟองน้ำ

หลังจากที่อุปกรณ์และเครื่องมือของเราพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลยดีกว่าครับ
1. ถอดฝาครอบเครื่องออกตอนถอดหากรถเพิ่งวิ่งมาก็ระวังร้อนด้วยนะครับ
2. ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจานกับฟองน้ำครับ
3. เช็ดทำความสะอาดให้แห้งครับ

4. หลังจากเช็ดแห้งแล้วเราก็ติดกระดาษกาวในส่วนที่เราไม่ต้องการพ่นครับ

5. หลังจากนั้นเราก็เช็ดทำความสะอาดคราบอีกครั้งก่อนพ่นสีด้วยน้ำยาเช็ดคราบไขมันครับ ใครไม่มีใช้แอลกแฮอล์ก็ได้นะครับง่ายดีครับ เวลาใช็ดก็ไม่ต้องเช็ดเยอะมากนะครับเอาพอหมาดพอนะครับ
6.เวลาที่เราจะพ่นก็ค่อยๆพ่นโปรยไปก่อนนะครับ อย่าพ่นให้ฉ่ำทีเดียวนะครับไม่งั้นสีอาจจะไหลหรือไม่เรียบเนียนได้ครับ ในรูปของผมที่ใช้เป็น 2 กระป๋องกระป๋องนึงเป็นสีธรรมดาส่วนอีกกระป๋องใช้พ่นเคลือบเพื่อให้เกิดเป็นประกายของสีครับ

7. หลังจากพ่นเสร็จแล้วก็รีบแกะกระดาษกาวออกนะครับขอบรอยตัดของสีจะได้สวยๆคมๆครับ

เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยเราก็จะได้ฝาครอบเครื่องยนต์ในแบบที่เราต้องการครับ



ขอขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ติดตามนะครับ ขอให้สนุกกับการ DIY รถของเราเองนะครับ










วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

ทดสอบรถ CX-5 ที่ติดตั้งกล่อง F-CON D ครั้งแรกในไทย


วันนี้เป็นวันดีอีกวันครับ ผมถือว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทดลองขับรถของพี่เอิร์ทซึ่งถือเป็นการร่วมทดสอบสมรรถนะของรถ CX-5 เครื่องยนต์ดีเซลที่ได้ทำการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยของแต่งให้แรงยกชุดจาก HKS ซึ่งก็มีด้วยกัน 3 อย่างคือ


1. Air suction kit ท่อร่วมไอดีอลูมิเนียมแบบหล่อให้ตรงรุ่นพร้อมกรองอากาศครับ


2. HKS Touring spec-l ท่อไอเสียน้ำหนักเบาะพิเศษพร้อมปลายท่อแบบเคฟล่า


3. HKS F-CON D for CX-5 กล่องเพิ่มแรงดันของน้ำมันดีเซลในรางหัวฉีด ตัวนี้ถือเป็นพระเอกของงานนี้เลยครับ

        หากพูดถึงกล่องเพิ่มแรงดันน้ำมันในรางตัวนี้ขอเรียกว่า(ดันราง)ตามที่คนไทยเรียกกันติดปากแล้วกันนะครับ กล่องดันรางของ HKS รุ่น F-CON D นี้เป็นกล่องแรกที่เป็นกล่องแต่งตรงรุ่นที่มาจากประเทศผู้ผลิตแท้ๆซึ่งหมายถึงกล่องที่ทำมาจากญี่ปุ่นเพื่อรถญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ถือเป็นกล่องเจ้าแรกในไทยและรถของพี่เอิร์ทก็เป็นคันแรกในไทยเลยครับที่ได้ติดตั้งครับ
        F-CON D ตัวนี้เป็นกล่องที่ได้รับการจูนหรือใส่โปรแกรมสำเร็จรูปมาจากที่ญี่ปุ่นเลยครับ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเป็นกล่องที่ง่ายและสะดวกในการติดตั้งและใช้งานได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องมาทำการเขียนโปรแกรมใหม่แบบคันต่อคัน ซึ่งทางผมก็ได้สอบถามกับทาง HKS Thailand ว่าแล้วอย่างนี้ถ้าหากรถเรามีอุปกรณ์การตกแต่งที่แตกต่างกันจะต้องทำการปรับโปรแกรมให้ตรงกับแต่ละอุปกรณ์หรือไม่ คำตอบที่ได้คือ "ไม่จำเป็นครับ" ซึ่งนั้นก็หมายความว่ากล่องใบนี้สามารถใช้งานได้กับรถหลายแบบไม่ว่าจะเป็น รถเดิมๆที่ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย หรือรถที่เปลี่ยนกรองอากาศ ท่อทางเดินอากาศ หรือท่อไอเสีย กล่องใบนี้ครอบคลุมโปรแกรมไว้ทั้งหมดครับ คราวนี้เรามาดูตัวกล่องและอุปกรณ์ที่ให้มาดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง




สำหรับกล่อง F-CON D จะทำจากเหล็กขนาดประมาณฝ่ามือหน้าตาโดยรวมดูดีเลยครับ ซึ่งตำแหน่งในการติดตั้งกล่องใบนี้ที่ทาง HKS ติดตั้งให้จะอยู่บนกล่อง ECU เดิมของรถครับ โดยมีสายไฟสองชุดครับ ชุดแรกจะต่อเข้ากับปลั๊กที่รางหัวฉีดโดยทำการต่อแบบไม่ต้องมีการตัดสายไฟเลยครับ ส่วนสายไฟอีกชุดจะเป็นชุดสาย Remote ควบคุมการทำงานที่แบบออกเป็นทั้งหมด 3 Mode ด้วยกันคือ 
1.ไฟไม่ติด คือ ปิดการทำงาน 
2.ไฟแดงระดับที่ 1 คือ เปิดการทำงานระดับความแรงในช่วงกลางถึงปลาย และสุดท้ายคือ 
3.ไฟแดงระดับที่ 2 คือเปิดการทำงานระดับความแรงแบบมากที่สุดคือปรับให้ทุกรอบความเร็วครับ
โดยการทำงานของ Remote จะเป็นแบบกดปุ่มเดียววนไปมาครับ เรียกได้ว่าออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกเลยครับ 




        ส่วนสุดท้ายที่จะพูดถึงก็คือเรื่องของสมรรถนะที่ได้เพิ่มขึ้นหลังจากการติดตั้งกล่อง F-CON D เข้าไปครับงานนี้ทาง  HKS Thailand ได้ให้ความกรุณานำรถขึ้นทดสอบแรงม้าเพื่อให้เราได้เห็นค่าอย่างแท้จริงแบบไม่ต้องคิดกันไปเองครับว่าใส่แล้วแรงขึ้นหรือไม่ครับ


ซึ่งผลที่ได้จากการวัดบนไดโน่ของ Dynojet ระบบขับเครื่อง 4 ล้อ ทำให้ทราบถึงค่าต่างๆดังนี้ครับ

เริ่มจากค่าแรงม้าที่ได้โดยที่รถ Standard คือ 116.5 แรงม้าครับ และแรงบิด 27.09 km-m ครับ
หลังจากเปิดระดับที่ 1 ค่าที่ได้คือ 130.17(+13.67) และแรงบิด 28.86(+1.77) ครับ
หลังจากเปิดระดับที่ 2 ค่าที่ได้คือ 149.28(+32.78) และแรงบิดคือ 30.93(+3.84) ครับ

        หลังจากที่ได้ค่ามาแล้วผมก็เริ่มมองดูและพบว่าการที่เราใส่กล่องเข้าไปจะทำให้เราสามารถเรียกสมรรถะหรือเรียกกำลังมาใช้งานได้อย่างเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะตอนเครื่องเดิมนะครับ แรงม้าสูงสุดจะอยู่ที่ 4,300 รอบ/นาที แต่เมื่อเราใส่ไปแล้วแรงม้าเพิ่มมากขึ้นและมาเร็วขึ้นกว่าเดิมคือแรงม้ามากที่สุดในโหมดที่ 1 จะมากสุดที่ 3,760 รอบ/นาที และหากสังเกตจะเห็นว่าที่จุดนี้เราได้แรงปิดที่มากขึ้นโดยใช้รอบของเครื่องยนต์ที่น้อยลงกว่าเดิมอีก 100 รอบ/นาทีครับ ซึ่งส่วนนี้ผมคิดว่ามันจะสามารถทำให้เราจะสามารถประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิมสำหรับในโหมดนี้ครับ ส่วนในโหมดที่ 2 ซึ่งดูจากกราฟแล้วทำให้ทราบเลยว่ารถเราแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะว่าโหมดนี้ทำให้รถของเรามีแรงม้าเพิ่มขึ้นจากเดิมไปอีก 32.78 ตัวกันเลยทีเดียว แต่ในโหมดนี้ทางพี่เอิร์ทและทางญี่ปุ่นได้แจ้งตรงกันว่ามันจะทำให้รถแรงขึ้นแต่กินน้ำมันมากขึ้นด้วยเช่นกันครับ ซึ่งก็เป็นปกติสำหรับเรื่องนี้อยู่แล้วครับว่าถ้าจะแรงก็ต้องยอมแลกกับความประหยัดครับ

สรุปสำหรับกล่องปรับแรงดันน้ำมัน F-Con D ครับ
จากความรู้สึกส่วนตัวตอนแรกที่พี่เอิร์ทให้ลองขับผมไม่สามารถจับความรู้สึกว่ารถแรงขึ้นไปมากกว่าเดิมสักเท่าไรครับ เพราะว่าเดิมที CX-5 ของเราก็เป็นรถที่มีแรงบิดมากพอตัวอยู่แล้ว และเมื่อไม่สามารถทำให้แรงบิดเพิ่มมากๆได้อาการจึงออกมาเป็นแบบหลังไม่ติดเบาะมากเท่าไรครับหรืออาจไม่รู้สึกเลย  แต่ในช่วงที่ลากรอบและใช้ความเร็วสูงขึ้นเรื่องๆรถสามารถทำความเร็วได้ดีมากครับ คือรู้สึกไหลเรื่อยๆเลยเรียกว่ามองไมล์อีกทีก็ 160 กม./ชั่วโมง โดยไม่รู้ตัวครับ ถ้าจะให้นึกเป็นคำสั่นๆก็คือ "ของดีและได้มาตราฐานจริง ใส่แล้วเร็วแต่ไม่แรง" ส่วนอื่นๆขอแยกเป็นข้อๆดังนี้นะครับ
ข้อดี
1. เป็นกล่องแต่งตรงรุ่นกล่องแรกซึ่งผลิตจากผู้ผลิตที่ได้มาตราฐานและมีตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้องในไทยครับ 
2. ติดตั้งง่ายไม่ต้องตัดสายไฟเดิมครับ
3. ใช้งานง่ายเพราะมีรีโมททำให้สามารถเปิดปิดการทำงานจากในรถได้ครับ
4. ราคาถูกมากๆเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากทางเยอรมันครับ
ข้อเสีย
สำหรับพี่ๆหลายๆท่านที่อาจเกิดความกังวลเนื่องจากล่องตัวนี้เวลาติดตั้งเป็นแบบติดตั้งตายตัวและมีสายและรีโมทเข้าไปในตัวรถทำให้ไม่สามารถถอดเวลาจะเข้าศูนย์บริการได้และอาจทำให้ไม่สบายใจเวลาที่ศูนย์บริการถามว่าพี่ไปติดอะไรมาเพิ่มหรือเปล่าครับ 




ท้ายที่สุดนี้ต้องขอขอบคุณพี่เอิร์ทเจ้าของรถคันนี้ที่ให้ผมได้มีโอกาสร่วมทดสอบสมรรถนะของรถคันแรกที่ติดตั้ง HKS F-CON D และอุปกรณ์ตกแต่งครบชุดจาก HKS ครับ และที่ขาดไม่ได้อีกท่านก็คือ คุณคมชลัช ศิริพันธุ์ หรือคุณนัท ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดของ HKS Thailand ที่เอื้อเฝื้อสถานที่ อุปกรณ์ ความรู้และข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆครับ หากสนใจสินค้าหรือรายละเอียดของ HKS สามารถติดต่อได้ที่ 02-743-0770-4 ครับ

!!! กระทู้นี้เป็นเพียงกระทู้รีวิวจากผู้ใช้งานจริงและผมได้ทดสอบจริงในเวลาอันสั้น ไม่เป็นการนำเสนอขาย หรือชวนให้ซื้อ ผู้อ่านกรุณาศึกษาข้อมูลให้ดีเพราะการแต่งอาจทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่เป็นอย่างที่ท่านคิดได้ครับ งานนี้โมไม่มีเอี่ยวนะครับ โมมาเล่าให้ฟังเฉยๆ !!! 

อันนี้แถมคลิปตอนขับมาให้ชมครับ 







วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

เพราะอะไรค่า Range (ระยะทางที่สามารถวิ่งได้) ถึงได้แตกต่างกัน

สวัสดีพี่ๆทุกท่านที่ติดตาม

วันนี้จะเป็นบทความเกี่ยวกับเรื่องของ Range หรือก็คือค่าระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้จนน้ำมันถังนั้นจะหมดครับ



หลังจากที่ได้ใช้ CX-5 ผ่านมาประมาณ 25,000 กม. ก็มีคำถามเข้ามาจากพี่ๆที่รู้จักหลายๆคนว่า เพราะอะไรค่า Range ของผมถึงได้เยอะขนาดนี้ (เคยได้ค่ามากที่สุดคือ 1,098 กม.)



ผมจึงเริ่มหาคำตอบครับ โดยครั้งนึงมีพี่หมอตี๋ ได้เคยพูดไว้ว่า ค่า Range นั้นจะขึ้นกับค่าเฉลี่ย AVG.(อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย) ผมจึงเอาข้อมูลนี้ของผมมาคำนวณครับ
ค่าเฉลี่ยของผม จะ อยู่ที่ 6.0 l./100 km. ครับ
ถังน้ำมันของรถ CX-5 ของผม(เครื่องดีเซล) มีความจุ 58 ลิตร
ถ้าคิดตรงๆเราจะได้ 58 ลิตร x (100 กม./6 ลิตร) = 966.67 กม.ครับ ซึ่งก็ถือว่าใกล้เคียงกับที่ผมได้
มีอีกหนึ่งตัวอย่างมีพี่ท่านนึงมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8.5 l./100 km.
คำนวณออกมาจะได้ 58 ลิตร x (100 กม./8.5 ลิตร) = 682.3 กม.ครับ

อนึ่งการคำนวณในเบื้องต้นนี้เป็นแค่สมมติฐานของผมเองนะครับ ไม่ได้อ้างอิงค่าที่ได้แน่นอนครับ เพราะว่าในบางครั้งที่ผมได้ 6.0 l./100 km. ค่า Range ก็ไม่ได้คงที่เสมอไปครับ บางก็ได้น้อยบางประมาณ 930 หรือมากบ้างครับ 988 ครับ



ขอบคุณที่สนใจครับ ^_^